ไบเดน ประกาศ ผู้ก่อเหตุต้องชดใช้ หลัง ยอดตายระเบิดสนามบินอัฟกานิสถาน พุ่ง

ไบเดน ประกาศ ผู้ก่อเหตุต้องชดใช้ หลัง ยอดตายระเบิดสนามบินอัฟกานิสถาน พุ่ง

ไบเดน ประกาศกร้าวว่าผู้ก่อเหตุระเบิดสนามบินอัฟกานิสถานต้องชดใช้ หลัง ยอดตายระเบิดสนามบินอัฟกานิสถาน สูงเกือบ 90 ศพ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดสองจุดสนามบินกรุงคาบูล เมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถาน ขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 90 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 140 ราย โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นมีเจ้าหน้าที่ของกองทัพรวมอยู่ด้วย 15 นาย

โดยนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

ได้ออกมาแถลงถึงเหตุความรุนแรงครั้งนี้ที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ว่า “พวกเราจะตามล่าผู้ก่อเหตุ และบังคับให้พวกเขาต้องชดใช้สิ่งที่พวกเขาทำ” ผู้นำสหรัฐฯได้สั่งให้ลดธงชาติสหรัฐฯครึ่งนึง เพื่อไว้อาลัยให้กับนายทหารที่เสียชีวิตในครั้งนี้  ซึ่งนายไบเดนเชื่อว่ากลุ่มไอสิส (IS) เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงนี้ และได้สั่งการให้กองกำลังเตรียมการวางแผนและจู่โจมฐานทัพของ IS

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เกิดเหตุระเบิดสองครั้งใกล้กับสนามบินในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน โดยจุดเกิดเหตุนั้นเกิดขึ้นที่ประตูสนามบิน “แอบบี้” ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับโรงแรม โดยจุดเกิดเหตุนั้นมีประชาชนจำนวนมากที่พยายามจะลี้ภัยออกนอกประเทศอัฟกานิสถาน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีคำเตือนว่าจะเกิดเหตุโจมตีที่สนามบินก็ตาม

กองกำลังตาลีบันได้ออกมาประณามกองทัพสหรัฐฯที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าว พร้อมกล่าวโทษว่าการมีตัวตนของกองกำลังต่างชาติเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุความรุนแรงครั้งนี้ขึ้น และแสดงความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุแบบนี้อีกหากทางตาลีบันสามารถจัดการปัญหาสนามบิน และ กองกำลังต่างชาติเดินทางออกประเทศ

เกิดเหตุ ระเบิด สนามบินอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีประชาชนและทหารเสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงครั้งนี้แล้ว 13 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกเพียบ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่าเกิดเหตุระเบิดสองครั้งใกล้กับสนามบินในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ส่งให้มีผู้เสียแล้วอย่างน้อย 13 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบราย

จุดเกิดเหตุนั้นเกิดขึ้นที่ประตูสนามบิน “แอบบี้” ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับโรงแรม โดยจุดเกิดเหตุนั้นมีประชาชนจำนวนมากที่พยายามจะลี้ภัยออกนอกประเทศอัฟกานิสถาน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีคำเตือนว่าจะเกิดเหตุโจมตีที่สนามบินก็ตาม

กองกำลังตาลีบันได้ออกมาประณามกองทัพสหรัฐฯที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าว พร้อมกล่าวโทษว่าการมีตัวตนของกองกำลังต่างชาติเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุความรุนแรงครั้งนี้ขึ้น และแสดงความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุแบบนี้อีกหากทางตาลีบันสามารถจัดการปัญหาสนามบิน และ กองกำลังต่างชาติเดินทางออกประเทศ

ด้านกองทัพสหรัฐฯออกมาประกาศว่ามีทหารจำนวนหนึ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิด ซึ่งสื่อสหรัฐฯระบุว่ามีทหารเรือสหรัฐฯเสียชีวิตจากแรงระเบิด 4 นาย

สื่อต่างชาติ เผย ตาลีบัน สั่งประหารชีวิต ล่ามกองทัพสหรัฐฯ

สื่อต่างชาติเปิดเผยว่าได้รับจดหมาย ซึ่งระบุว่า ตาลีบัน ได้สั่งประหารชีวิต ล่ามกองทัพสหรัฐฯ แม้เคยประกาศนิรโทษกรรมประชาชน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม สำนักข่าว CNN เปิดเผยว่าทางสำนักข่าวได้รับจดหมายจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า กองกำลังตาลีบัน ได้ตัดสินปัญหาชีวิตสองพี่น้องชาวอัฟกานิสถานในให้ที่พำนักกับพี่น้องที่ทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกา

โดยทาง CNN ได้รับจดหมายทั้งหมดสามฉบับ โดยฉบับแรกเป็นการเรียกให้ผู้ต้องหาทั้งสองเข้ารับฟังคำตัดสิน ส่วนฉบับที่สอง ระบุว่าผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะปรากฏตัวตามหมายเรียก และฉบับที่สามระบุว่าการทำงานให้กับกองทัพสหรัฐฯนำมาสู้การบุกรุกอัฟกานิสถาน พร้อมระบุว่าเขามีความผิดที่ไม่ยอมปรากฏต่อศาล ทำให้อัฟกานิสถานตัดสินประหารชีวิตทั้งสอง

ทางสำนักข่าวปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวตนของผู้ต้องหา เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังไม่มีการเปิดเผยด้วยว่าชะตาของผู้ต้องหาเป็นเช่นไร

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นาย ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกของกลุ่มตาลีบันได้แถลงหลังยึดกรุงคาบูลเมืองของอัฟกานิสถานได้สำเร็จ ซึ่งในการแถลงครั้งนั้น นายมูจาฮิดระบุว่าจะไม่มีประชาชนต้องตกเป็นภัย พร้อมอภัยโทษประชาชนที่เคยทำงานให้กับกองกำลังต่างชาติทั้งหมด

FDA อนุมัติ ไฟเซอร์ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนรับวัคซีนโควิด ขณะที่ไบเดนบอกประชาชนว่านี่คือเวลาที่จะรับวัคซีนโควิด เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า องค์การอาหารและยา หรือ FDA ได้อนุมัติวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นวัคซีนยี่ห้อแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการอนุมัติในรูปแบบดังกล่าว

โดยในเอกสารของ FDA ระบุว่าจากการตรวจสอบข้อมูลของผู้รับวัคซีนราวๆ 44,000 คนพบว่า วัคซีนไฟเซอร์ หรือ ที่จะถูกวางขายในตลาดด้วยชื่อโคเมอร์เนตี มีประสิทธิภาพป้องกันโควิดถึงร้อยละ 91 ซึ่งทางขณะกรรมการ FDA มั่นใจว่าวัคซีนยี่ห้อมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีกระบวนการผลิตที่ผ่านมาตรฐาน

การอนุมัติในครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้ว่าจ้างหรือองค์กรต่างๆ บังคับให้พนักงานเข้ารับวัคซีนได้มากขึ้น และเป็นการแก้ปัญหาความไม่เชื่อในในวัคซีนต้านโควิดที่เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนชาวสหรัฐฯ

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง